12/31/2554

Headaches อาการปวดหัว


ปวดศีรษะแบบไมเกรน


เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบบ่อยที่สุด คือช่วงอายุ 22-55 ปี ซึ่งเชื่อกันว่าสมองของผู้ป่วยไมเกรนมีการไวในการตอบสนอง ต่อสิ่งแวดล้อม หรือปัจจัยอื่นๆในร่างกาย ที่ทำให้หลอดเลือดมีการอักเสบ

และเมื่อหลอดเลือดขยาย จึงมีอาการปวดศีรษะ และส่วนใหญ่ มักมีประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้เหมือนกัน อาการที่แสดงว่าเป็นไมเกรน คือ
headache
  • อาการปวดปัวแบบปวดตุบๆ ที่ขมับหรือเบ้าตาซีกใดซีกหนึ่ง ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ, อาจมีอาการปวดแบบตื้อๆ หรืออาจปวดสลับข้างในแต่ละครั้ง หรือ ปวดพร้อมกันทั้ง สองข้าง แต่มีน้อยรายที่ปวดพร้อมกันทั้งสองข้าง เมื่อเกิดอาการ อาจปวดนาน เป็นชั่วโมง หรืออาจเป็นวันๆ เลย

  • ยิ่งมีการเคลื่อนศีรษะ หรือ ถูกกระตุ้นจากแสงจ้า, อากาศเย็น หรือร้อนจัด,เสียงดัง มักทำให้อาการปวดเพิ่มมากขึ้น และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วม หากอาการปวดรุนแรง

  • ก่อนปวด หรือขณะปวด อาจมีอาการนำ ออร่า aura คือเห็น แสงแลบ วิบ วับ ตาพร่า ตาลาย เห็นแสง หรือ ตามืดมัวไปครึ่งซีก ชาซีกใดซีกหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า Classic Migrain อาการมักปวดบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ขมับและขากรรไกร และปวดข้างใดข้างหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักไม่มีอาการออร่า นำหรือเรียกว่า Common Migrain

ปวดศีรษะที่เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัว

พบได้บ่อยที่สดในชีวิตประจำวัน เพราะเกิดได้จาก ความเครียด, ความกังวล, อดนอน มีการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรือ อาจเกิดจากการแปรปรวนของอารมณ์ อาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัวคือ
  • ปวดเหมือนถูกคีมหนึบ หรือมีผ้ารัดศีรษะแน่น

  • บางรายอาจมีลักษณะปวดตื้อๆ บางคนอาจปวดจี๊ดๆ ร่วมด้วย ร้าวจาก ดวงตา ขมับไปกลางศีรษะ จนถึงท้ายทอย อาจเป็นซีกใดซีกหนึ่งหรือปวดร้าวทั้งสองข้างก็ได้

  • มักมีอาการปวดตอนสายๆ หรือบ่าย ซึ่งอาจเกิดจากเคร่งเครียดกับงาน แล้ว ปวดต่อไปทั้งวัน อาจไม่รุนแรง ทำให้รำคาญ จนถึงปวดมาก ขั้นรุนแรงเลย แต่เมื่อเวลาหายมักไม่หายสนิท จะยังรู้สึกตื้อๆ ที่ศีรษะบ้าง ต่างจากไมเกรนที่ปวดรุนแรง แต่เวลาหายจะไม่เหลืออาการปวด

ปวดศีรษะแบบรุนแรงที่สุดหรือ Cluster

อาการปวดศีรษะแบบมาเป็นชุดๆ ระยะเวลาการปวดอาจกินเวลาไม่นาน 15 นาที-3ชม. ,ปวดหลายครั้งต่อวัน หรือปวดทุกวัน และอาจปวดนานหลายสัปดาห์ จนถึงเดือน อาการปวดศีรษะแบบ Cluster คือ
  • ปวดตุบๆ บริเวณหลังตา รอบดวงตา หรือบริเวณขมับ รู้สึกร้อนแปลบ ที่หน้าผากคล้ายถูกเข็มแทง หรือมีมีดร้อนๆมาทิ่มแทง
  • white pills in bottle

  • ลักษณะปวด มักจะมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น ตาแดง น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือเหงื่อออกบริเวณใบหน้าข้างที่ปวด

  • มักเป็นในผู้ชาย มักจะปวดตอนกลางคืนจนนอนไม่หลับ และมักปวดตรงเวลาทุกวัน เวลาปวดรุนแรงจะนั่งอยู่เฉยไม่ได้ต้องเดินไปเดินมา ต่างกับการปวดไมเกรนที่เวลาปวดอยากนอนพักเฉยๆ

ปวดศีรษะแบบผสม คือ มีอาการแบบไมเกรน, อาการปวดแบบกล้ามเนื้อตึงตัว หรือ อาการอื่นๆ ร่วมในเวลาเดียวกัน สาเหตุที่พบบ่อย คือ มีการใช้ยาแก้ปวดเป็นประจำ หรือเกินขนาด ในผู้ป่วยไมเกรน หรือผู้ป่วยปวดศีรษะแบบกล้ามเนื้อตึงตัว การทานยาแก้ปวดเป็นประจำ อาจพัฒนาเป็นการปวดแบบผสมเมื่ออายุ เกิน 30 ปีได้

Continue reading...

Osteoporosis รู้ทันโรคกระดูกพรุน


sponsored

Osteoporosis หรือ โรคกระดูกพรุน

หมายถึง โรคที่เกิดจากความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดลงเรื่อยๆและเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้างภายในกระดูก กระดูกเปราะบางลง เนื้อกระดูกจะมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ ทำให้กระดูกไม่สามารถรับน้ำหนัก หรือแรงกดดันได้เหมือนปกติ กระดูกจะหักได้ง่ายกว่าปกติ
kid should drink milk

โรคกระดูกพรุน นับได้ว่าเป็นมหันต์ภัยเงียบ  บางคนก็เรียกโรคนี้ว่าโรคกระดูกผุ หรือ โรคกระดูกบาง อาการที่กระดูกบางลงเรื่อยๆ นั้น เกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยที่เราไม่รู้ตัว บ่อยครั้งที่ผู้ที่มีเป็นโรคกระดูกพรุน กว่าจะรู้ตัวว่ามีอาการของโรคกระดูกพรุน กระดูกก็หักไปแล้ว

โรคกระดูกพรุน พบมากในผู้สูงอายุ  และจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ด้วยสาเหตุ ที่ผู้หญิงมีมวลกระดูกน้อยกว่าผู้ชาย และโดยเฉพาะหลังวัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง ระดับ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ลดระดับอย่างรวดเร็ว ทำให้อัตราการสลายของกระดูกเพิ่มขึ้น ความหนาแน่นของกระดูกจะลดลงอย่างมาก เมื่ออายุมากขึ้นจึงมีโอกาสกระดูกหักเพิ่มสูงขึ้นด้วย

strong boneอาการต่างๆ ที่เกิดจากการเป็นโรคกระดูกพรุน คือ การทรุดตัวหรือยุบตัว ของกระดูกสันหลัง อาจทำให้หลังโก่ง กระดูกสันหลังคดงอผิดรูป หรือเกิดการหักของกระดูก เช่น การหักของกระดูกสะโพก, กระดูกต้นขา, กระดูกข้อมือ ฯลฯ

โรคกระดูกพรุน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นทางออกที่ที่สุด ธรรมชาติของกระดูกจะมีการสร้างและสลายอยู่ตลอดเวลา ในวัยเด็ก กระดูกจะมีการสร้างมากกว่าการสลาย ร่างกายจึงมีการสะสมแคลเซียม ได้มากพอ จนเมื่ออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มมีการสลายแคลเซียมจากกระดูกมากขึ้น ทำให้เนื้อกระดูกเริ่มลดลง หากร่างกายไม่ได้รับแคลเซียม อย่างเพียงพอ กระดูกจะบางลงจนเกิดอาการกระดูกพุรน

นอกจากนี้โรคกระดูกพรุน ยังอาจพบในคนที่ สูบบุหรี่จัด, ดื่มสุราหนัก, ขาดการออกกำลังกาย, ทานยาประเภทเสตียลอยด์, คนที่เป็นโรคมะเร็งที่กระดูก หรือ มีฮอร์โมนที่ผิดปกติ

ตารางผลการตรวจ BMD (ความหนาแน่นกระดูก) ตาม WHO (องค์การอนามัยโลก)

ภาวะ

ค่าความหนาแน่นกระดูก - BMD T-Score (SD)

กระดูกปกติ มากกว่า -1
กระดูกบาง (Osteopenia) น้อยกว่า -1 ถึง มากกว่า -2.5
กระดูกพรุน (Osteoporosis) น้อยกว่าหรือเท่ากับ -2.5
กระดูกพรุนอย่างรุนแรง (Severe Osteoporosis) น้อยกว่าหรือเท่ากับ -2.5 และมีกระดูกหักร่วมด้วย

Continue reading...

12/06/2554

Probiotics อะไรคือโพรไบโอติกส์


โปรไบโอติกส์ (Probiotics)

หมายถึง แบคทีเรียในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ในรูปที่เป็นอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ช่วยส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค เมื่อรับประทานด้วยปริมาณที่พอเหมาะ


โปรไบโอติกส์ (Probiotics)

เป็นแบคทีเรียชนิด "มีประโยชน์" ทำหน้าที่ต่อสู้กับ แบคทีเรียชนิด "มีโทษ" ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเจ็บป่วยเกี่ยวกับการย่อยอาหาร ท้องอืด รวมถึงอาการบีบตัวผิดปกติ ของกระเพาะอาหารและลำไส้

แบคทีเรียชนิด "มีประโยชน์" กลุ่ม Lactobacillus เช่น แลคโตบาซิลัส เอซิโดฟิลลัส( Lactobacillus acidophillus) แลคโตบาซิลัส บัลการิคัส ( Lactobacillus bulgaricus) และ สเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลลัส ( Streptococcus thermophillus)

ในการทดลองทางการแพทย์ ใช้โปรไบโอติกส์ กลุ่ม Lactobacillus ป้องกันและบรรเทาอาการท้องร่วงในเด็กทารก, รักษาอาการท้องร่วงรุนแรง, ลดอัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินอาหารและการเสียชีวิตในทารก ที่คลอดก่อนกำหนด

โยเกิร์ต (yogurt)
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานจากงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นที่ยืนยันว่า
โปรไบโอติกส์ (Probiotics)
กลุ่ม Bifidobacteria เช่น
  • ไบฟิโดแบคทีเรียม ไบฟิดุม
    (Bifidobacterium bifidum)
  • ไบฟิโดแบคทีเรียม แอนิมาลิส
    (Bifidobacterium animalis)
สามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายเรา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาหารที่มีโปรไบโอติกส์ คือ โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว ยกเว้นนมเปรี้ยวพร้อมดื่มยูเอชที เพราะผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อที่ความร้อนสูง จึงไม่มีแบคทีเรีย กรดนมเหลืออยู่

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ที่ไม่มีน้ำตาล ยังช่วยในเรื่องสุขภาพช่องปากได้ด้วย เพราะ แบคทีเรียเหล่านี้ ลด ไฮโดรเจน ซัลไฟด์ ซึ่งเป็นสารประกอบหลักที่ ทำให้เกิดกลิ่นปาก

โยเกิร์ต (yogurt)

แต่ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่รบกวนจำนวนของโปรไบโอติกส์ เช่น ความเครียด, การกินยาปฎิชีวนะ ฯลฯ

ดร.เกลน กิบสัน ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยาอาหาร มหาวิทยาลัยรีดดิง ของอังกฤษ กล่าวว่า คนที่เดินทางบ่อย ผู้สูงอายุ และเด็ก มีโอกาสเกิดปัญหากับกระเพาะและลำไส้ จึงควรรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีโปรไบโอติกส์ร่วมกับอาหารทุกวัน

สารอาหารเสริม โปรไบโอติกส์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แล้วโอกาสที่ร่างกายเราจะมี โปรไบโอติกส์ มากเกินไป เป็นไปแทบไม่ได้ เพราะ แบคทีเรียในร่างกาย เราเป็นหมื่นเป็นล้าน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ แบคทีเรียที่มีประโยชน์ มีอยู่มากเกินไป
Continue reading...

11/23/2554

Vitamin B3 ความสำคัญของ วิตามินบี 3


วิตามินบี 3 Vitamin B3 อยู่ในกลุ่มวิตามินบี B-Complex หรือเรียกกันว่า ไนอาซิน Niacin เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กรดนิโคตินิก Nicotinic acid

การขาดวิตามินบี3 อาจก่อให้เกิดความเสียหายทางพันธุกรรม(DNA) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อความสามารถป้องกันโรคมะเร็ง

ไนอาซินมีส่วนสำคัญในการสร้างพลังงานให้กับร่างกาย โดยการแปลงไขมันและคาร์โบไฮเดรต

ไนอาซินยังถูกใช้ในการสังเคราะห์แป้งให้เป็นพลังงาน และเก็บไว้ในกล้ามเนื้อและตับเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองของร่างกาย
และจากการศึกษาพบว่า การได้รับ Vitamin B3 ในปริมาณสูงๆ สามารถลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้

วิตามินบี 3 Vitamin B3 สามารถเพิ่มการสร้างคอลลาเจน collagen และ Lipid ในผิวหนังของร่างกายเรา และยับยั้งการสร้างสารเมลานิน Melanosome ซึ่งเป็นตัวเร่งทำให้ผิวสีเข้มขึ้น ลดการอักเสบ การไหม้ของผิวหนัง Inflammation เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งที่ผิวหนัง

ไนอาซิน เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้น้อยที่สุด มีเสถียรภาพมาก สามารถคงทนต่อแสง ความร้อน ความชื้น สภาพกรด-ด่างได้เป็นอย่างดี

ด้วยคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพ และหาได้ไม่ยาก จึงมีการนำไนอาซิน หรือ วิตามิน บี3 ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเครื่องสำอาง บำรุงผิว กันแพร่หลาย
egg and wholewheat bread

ประโยชน์ของ วิตามินบี3 หรือ ไนอาซิน

  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ Antioxidant ช่วยต่อทำลายพิษหรือ ท็อกซินจากมลพิษ ลดความอยากดื่มแอลกอฮอล์ และ ยาเสพติด

  • ช่วยลดการสร้างเมลานินที่ทำให้สีผิวเข้มขึ้น ผิวไม่คล้ำมีแนวโน้มเป็น Whitening ช่วยลดการอักเสบของผิว เพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงาของชั้น Lipid ที่ป้กป้องผิว

  • ช่วยรักษาโรคปวดหัวไมเกรน
  • รักษาโรคทางจิตและโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางสมอง

  • ช่วยให้อาการต่างๆ ของผู้ป่วยเบาหวานดีขึ้น

  • ช่วยลดความดันโลหิตสูง และ ลดโคเรสเตอรอล ลดไขมันเลว LDL

  • อาจจะช่วยลดการผลิตน้ำมันของผิวได้ แต่ยังไม่มีใครสามารถอธิบายการทำงานของมันได้
    และที่สำคัญ VITAMIN B3 ไม่สามารถสร้างขึ้นได้เองในร่างกายของคนเรา แต่สามารถรับ ได้จากอาหารหรือผิวหนังเท่านั้น แหล่งอาหารที่มี VITAMIN B3 คือ ชะอม ถั่ว เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ จมูกข้าว ขนมปังโฮลมีล
Continue reading...

11/15/2554

Zinc เราต้องกินสังกะสีจริงหรือ


Zinc หรือ สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย (Trace Minerals)

แม้ว่าร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อย แต่จะขาดไม่ได้เลย เพราะมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ถ้าขาดสารอาหารพวกนี้ไป ร่างกายก็ทำงานผิดปกติไป

ส่วนประกอบของสังกะสีในร่างกายมนุษย์ คือ 90% อยู่ที่ กระดูก กล้ามเนื้อ 10% อยู่ที่ ตับอ่อน ตับ เลือด และแบ่งย่อยลงอีก คือ สังกะสีที่อยู่ในเลือดนั้น 80% อยู่ในเม็ดเลือดแดง อีก 20% อยู่ในน้ำเลือด


สังกะสี มีลักษณะเหมือนกับแร่ธาตุและ วิตามิน อื่นๆ คือ เป็นสารอาหารทีไม่ให้พลังงาน แต่ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกำกับการทำงานของร่างกาย มีความสำคัญต่อการทำงานของตับ,ตับอ่อน และ มีส่วนร่วมในการทำงานกับโปรตีนเอนไซม์ มากกว่า 100 ชนิด เอนไซม์

อาจกล่าวได้ว่าเอนไซม์ที่เป็นสารสำคัญในการเกิดปฏิกิริยาภายในร่างกายเกือบทุกชนิดต้องการ เช่น ช่วยกำจัดแอลกอฮอล์ ในตับ ใช้ในขบวนการสร้างกำลังงาน สร้างกระดูกและฟัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบประสาทสมองให้สมดุล มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเจริญเติบโต สังกะสี ช่วยให้เซลส์สามารถจับกับวิตามิน เอ ได้ดีขึ้น ทำให้เซลล์ผิวพรรณที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ๆ มีสุขภาพดี แผลต่างๆ หายเร็วขึ้น ป้องกันการเป็นหมัน



สังกะสี ร่างกายไม่สามารถสร้างหรือสังเคราะห์ สังกะสี ขึ้นได้เอง จำเป็นต้องบริโภคอาหารเพื่อให้ได้รับสารดังกล่าว แหล่งอาหารที่มีปริมาณ สังกะสี สูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง นมวัว นมแม่ หอยนางรม อาหารทะเล ธัญพืชและถั่วต่างๆ



ความต้องการสังกะสี ในแต่ละวัน (Daily RDAs For Zinc)
อายุ > 1 ปี ปริมาณแนะนำ 3 – 5 มิลลิกรัม/วัน
อายุ 1 –10 ปี ปริมาณแนะนำ 10 มิลลิกรัม/วัน
อายุ 11+ ปี ปริมาณแนะนำ 15 มิลลิกรัม/วัน
สตรีในระยะตั้งครรภ์ ปริมาณที่แนะนำ 20 – 25 มิลลิกรัม/วัน
สตรีในระยะให้นมบุตร ปริมาณที่แนะนำ 25 – 30 มิลลิกรัม/วัน

แม้ว่าร่างกายต้องการสังกะสีเพียงเล็กน้อย และได้เลือกบริโภคอาหารที่มีสังกะสีแล้วก็ตาม  แต่ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ร่างกายได้รับ สังกะสีไม่เพียงพอ


  • การบริโภคอาหารที่มีสังกะสีน้อยเกินไป หรือบริโภคอาหารกลุ่มไฟเบอร์ แอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้การดูดซึมสังกะสีได้ลดลง






  • อายุที่มากขึ้น, หญิงตั้งครรภ์, คนที่ทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน, คนที่เป็นพิษสุราเรื้อรัง, ผิวหนังอักเสบ หรือ ตับแข็ง จำเป็นต้องได้รับสังกะสีมากขึ้น






  • คนที่เป็นโรคพันธุกรรม ที่ทำให้การดูดซึม สังกะสีไม่ดี คือโรคที่เรียกว่า Acrodermatitis Enteropathica ซึ่งมีอาการเป็นโรคผิวหนังอักเสบ และมีความผิดปกติทางจิตใจ




  • การขาดสังกะสีเป็นเวลานาน ในเด็กทำให้แคระแกรน ไม่เจริญเติบโต ,ผิวหนังอักเสบ ผื่นแดง พุพอง, การรับรู้รสน้อยลง, ซึมเศร้า, ตาบอดแสง, ผมร่วง, เล็บเปราะ ฯลฯ
    Continue reading...

    11/14/2554

    ทำไมร่างกายขาด Co-Enzyme Q10 ไม่ได้


    sponsored
    Co-Enzyme Q10 โคเอ็นไซม์ คิวเท็น เป็นสารกึ่งวิตามินที่ละลาย ในไขมัน โดยจะพบที่ในเยื่อหุ้มของ mitochondria ที่ร่างกายเราสามารถสามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่ปริมาณการสร้างลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น ระบบต่างๆ ก็เสื่อมถอยลง ทำให้คนในวัยกลางคนมีโอกาสที่จะขาด Co-Enzyme Q10 เพราะตับอาจไม่สามารถสังเคราะห์ Co-Q10 ได้ในปริมาณเท่าเดิม สิ่งที่ตามมาจากการมี Co-Q10 ลดลง คือ ริ้วรอย ความเสื่อม ของระบบต่างๆ

    ร่างกายสามารถสร้าง Co-enzyme Q10 ได้จากการสกัดและสังเคราะห์ผ่านตับ จากการดูดซึมสารอาหาร ที่เราได้รับในแต่ละวัน โดยเก็บไว้ในเซลล์ ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเซลล์นี้มีอยู่มากในอวัยวะที่ต้องทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง เช่น หัวใจ สมอง ตับ ไต และกล้ามเนื้อ อีกทั้ง Co-enzyme Q10 เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ปกป้องเซลล์จากการทำร้ายของอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของเซลล์ เช่น โรคหัวใจ ข้อเสื่อม อัมพาต



    อาหารที่พบว่า มี Co-enzyme Q10 ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เครื่องในสัตว์ เฉพาะส่วนหัวใจ และตับ ในพืชจะพบได้ใน ถั่วลิสง และน้ำมันถั่วเหลือง



    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางการแพทย์จะมีการใช้ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ในการป้องกันโรคหัวใจ เพราะมีการศึกษาชี้ให้เห็นว่า สามารถช่วยยับยั้ง ไม่ให้คอเลสเตอรอลจับตัวเป็นก้อนแข็งในหลอดเลือด จึงช่วยลดปัญหาหลอดเลือดแข็ง และอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจได้ด้วย
    Continue reading...

    10/21/2554

    คืนความสดชื่นให้ร่างกายด้วย Apple Cider


    น้ำแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ (Apple Cider

    ถือเป็นยาสมุนไพรพื้นบ้าน รู้จักกันมานานกว่า 60 ปี ในสหรัฐอเมริกามีการนำมาใช้เป็นโภชนาการทางเลือก สำหรับการดูแลสุขภาพ ใช้ผสมน้ำดื่มหรือปรุงอาหารเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานดี ช่วยปรับระดับความเป็นกรด-ด่าง สำหรับผู้ป่วยร่างกายมักมีสภาวะความเป็นกรด ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ



    ในสภาวะปกติ ร่างกายของเรามีสภาพค่อนข้างเป็นกลางหรือเป็นด่างเล็กน้อย ซึ่งสภาวะดังกล่าว อวัยะต่างๆ จะทำงานได้ดี ช่วยล้างพิษโดยเฉพาะที่ตับ ทำให้ร่างกายสดชื่น

    และสิ่งสำคัญ น้ำแอปเปิ้ลหมัก ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งชลอการเสื่อมของเซลส์ต่างๆในร่างกาย



    สามารถ ต้านทานเชื้อรา แบคทีเรีย และ ไวรัสบางชนิด เช่น Herpes ที่เป็นสาเหตุของโรคเริม การเจ็บคอ หรือ เป็นงูสวัด

    การดื่มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ หรือน้ำแอปเปิ้ลหมัก ช่วยกำจัดก้อนผลึกของกรดที่บริเวณข้อต่อ อวัยวะต่างๆ ซึ่งผลึกเหล่านี้ เป็นสาเหตุให้กิดอาการปวดเมื่อย และทำลายอวัยะต่างๆ

    นอกจากนี้การทานแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นประจำ สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ลดความดันโลหิต และ อาจทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้อีกด้วย
    Continue reading...

    10/18/2554

    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำเป็น หรือ - Why Do we need to take food supplements?



    2livehealthyblogspot

    คนส่วนใหญ่ที่ยังไม่มีปัญหาสุขภาพ มักถามอย่างสงสัยว่า จำเป็นหรือที่ต้องใช้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีหลายๆ เหตุผลที่บอกได้ว่า ทำไมจึงจำเป็นต้องเสริมสุขภาพด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร


    1. ภาวะดินเสีย สาเหตุของดินเสีย คือ เกิดจากการใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป ผลตกค้างทำให้ดินเสื่อมสภาพ หรือเรียกว่าดินเสียความอุดมสมบรณ์ของแร่ธาตุและอาหารในดิน แม้ว่าเราจะกิน พืช ผัก ผลไม้ ต่างๆ เพื่อให้เกิดผลดีกับสุขภาพ แต่อาหารนั้น ถูกเพาะพันธุ์ เติบโตมาจากดินที่มีแร่ธาตุไม่เพียงพอ และ แร่ธาตุในดินจึงหมดลงเมื่อเวลาผ่านไป และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมจึงควรบริโภคอาหารที่เป็นผลิตผล จากเกษตรอินทรีย์ (Organic)


    2. การขนส่งที่ต้องใช้เวลานาน พูดถึงผลิตภัณฑ์ที่นำเข้า จากต่างประเทศ ล้วนต้องใช้เวลาในขั้นตอนการขนส่งนานพอควร และอาหารกลุ่ม พืช ผัก ผลไม้ ต่างๆ ที่เห็นวางขายอยู่ ไม่ได้หมายความว่า พึ่งตัดจากสวน,ไร่ มาขาย ยิ่งนำมาจากประเทศที่ห่างไกลเท่าไร ก็ต้องใช้เวลานานมากขึ้น อาจใช้เวลาเดินทาง เป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือน กว่าจะมาให้ เราได้เลือกซื้อก็ได้

    pic of 2livehealthyblogspot
    3. การปรุงอาหารนานเกินไป การทำให้สุก หรือ เคี่ยวให้งวด เป็นเหมือนการ ทำลาย คุณค่าจากอาหาร เช่น กลุ่ม พืช ผัก ผลไม้ ควรทานสด จึงจะไม่สูญเสียคุณค่าอันมหาศาลของ วิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระ และ เอนไซม์ การที่เราไม่ได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่ควรได้ ย่อมทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา

    4. การกินอาหารไม่ครบมื้อ หรือ กินไม่เป็นเวลา  อย่างเช่น บางคนไม่กินอาหารเช้า หรือ บางคนกินโดนัท หรือ ขนมปัง กับ กาแฟ ตอนเช้า แล้วรีบไปทำงาน ที่จริงแล้วในช่วงเช้าร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารมากที่สุด เรากลับไม่ได้กินให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย  แต่พอช่วงเที่ยง หรือบ่าย เราอาจกินบุฟเฟ่ต์ จนแน่น เรื่องของการกินน้อยไป หรือ มากไป ล้วนไม่ดีต่อระบบการย่อยอาหาร และ เมื่อกินมากเกินจะทำให้เกิดอาการอึดอัดตามมา

    Top 3 diseases
    5. ปัญหาการย่อยอาหาร เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเรา ผลิตเอนไซม์ ที่จำเป็น สำหรับการย่อยและดูดซึม ได้น้อยลงเรื่อยๆ และส่งผลให้ร่างกายประท้วง และอาจเกิดอาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ฯลฯ


    และนี่คือเหตุผลทั้ง 5 ที่บอกให้รู้ว่า ถ้าเราเป็นคนเลือกกิน กินไม่ครบ ห้าหมู่ ไม่ชอบกินผัก ผลไม้ หรือกินไม่เป็นเวลา การกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพให้ดีขึ้น จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นในทุกวันนี้
    Continue reading...

    อายุยืนด้วย ไลโคปีน Lycopene Benefits





    tomato on 2livehealthy blogspot

    ไลโคปีน (Lycopene) จัดเป็นสารประกอบในกลุ่ม แคโรทีนอยด์ ที่พบได้ในผักและผลไม้ เช่น แตงโม, มะละกอ และ พบมาก ในมะเขือเทศ มีฤทธิ์ต่อต้าน อนุมูลอิสระ มากกว่าวิตามิ อี ถึง 100 เท่า จึงได้ผลดีมากในการที่ร่างกายได้รับสารไลโคปีนอย่างต่อเนื่อง


    ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัน ทำให้ผิวพรรณสดใส, ป้องกันการเสื่อมที่จะเกิดขึ้น และเป็นต้นเหตุของ โรคเบาหวาน, หัวใจและหลอดเลือด ป้องกันโรคกระดูกพรุน และ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งปอด กระเพาะอาหาร ช่องปาก เต้านม ฯลฯ


    tomato sauce on 2livehealthy.blogspotการที่ร่างกายจะได้รับไลโคปีนได้ดีจำเป็นที่ต้องทานมะเขือเทศที่ผ่านความร้อน หรือ ทำให้สุก เพราะการยึดจับของไลโคปีน กับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง ทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ดีกว่า

    มะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการแปรรูปทางอาหาร เช่น ซอสมะเขือเทศ หรือ อาหารที่ใช้มะเขือเทศปรุงแต่ง กลับพบว่ามีปริมาณไลโคปีนสูงกว่า และหากมีไขมันเล็กน้อย เช่นน้ำมันมะกอก จะทำให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดีขึ้น

    spagetti on 2livehealthy.blogspot

    Continue reading...

    10/16/2554

    ความสำคัญของเส้นใยอาหาร-Benefit of Fiber


    เส้นใยอาหาร หรือ ไฟเบอร์ (Fiber)จัดอยู่ในกลุ่มของ คาร์โบไฮเดรต ที่ลำไส้ไม่สามารถย่อยได้ และไม่ดูดซึม เข้าสู่ร่างกาย
    source of fiber
    ทั้งยังไม่ให้พลังงานให้แก่ร่างกาย แต่นับว่าเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นที่ร่างกายเราต้องได้รับเส้นใยอย่างเพียงพอในแต่ละวัน

    เพื่อให้ ระบบการทำงานของลำไส้เรา มีการเคลื่อนไหวและการบีบตัวของลำไส้ อย่างปกติ มีการขับถ่ายของเสียในลำไส้ออกไปอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

    นอกจากนี้ ในลำไส้ของมนุษย์เราจะมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่เรียกว่า ไมโครฟลอรา (Micro Flora) หรือ นอร์มอลฟลอรา (Normal Flora) และโดยเฉพาะ จุลินทรีย์ ที่เรารู้จักกัน คือ ไบฟีโดแบคทีเรี่ยม (Bifidobacterium) และแลคโตแบซิลลัส (Lactobacillus)


    ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ จึงเป็นผลดีและลดอัตราเสี่ยงอันเกิดจากการมีอาหารตกค้างสะสม
    เพราะการที่มีอาหารตกค้างอยู่ในลำไส้นานเกินไปอาจส่งผลให้เกิดการเน่าเปื่อย รวมทั้งอาจมีสารพิษที่เกิดจากแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้ ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของเราได้

    นอกจากนี้ความไม่สมดุลของระบบการทำงานในร่างกาย ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ได้ อย่างเช่นความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โรคลำไส้อักเสบ หรือ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคเบาหวาน โรคความดันสูง โรคอ้วน


    ซึ่งเส้นใยอาหารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

    เส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ (Water-Soluble Fiber)

    มีลักษณะคล้ายวุ้น สามารถดูดจับไขมันและน้ำตาลไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จึงช่วยในการควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดได้ ประกอบไปด้วย กลุ่มของเพคตินกัมมิวซิเลจ

    เส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ (Water-Insoluble Fiber)

    เป็นเส้นใยอาหารที่มีมาจาก พืช ผัก และผลไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ทำให้ระบบการขับถ่ายของเสียและสารพิษต่างๆ ดีขึ้น ประกอบไปด้วยกลุ่มเส้นใยเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และ ลิกนิน
    Continue reading...

    10/15/2554

    Signs that your are getting old-สัญญานบอกถึงความแก่


    สัญญานต่างๆ ที่บอกว่าความชราจะมาเยือน

    • เริ่มอ้วนและลดน้ำหนักยาก คืออ้วนง่ายกว่าเดิม
    • บางคนผมบาง ศรีษะเริ่มล้าน หน้าผากกว้างขึ้น
    • ผิวหน้าเริ่มมีริ้วรอย เป็นกระฝ้าง่ายขึ้น หรือผิวอาจแห้ง
    • กล้ามเนื้อตามร่างกายเริ่มหย่อนยาน เนื้อตัวไม่แน่น
    • ปวดเมื่อยตามร่างกาย
    • คิดช้าลง ไม่ว่องไวเหมือนในอดีต

    สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามธรรมชาติ ตามวันเวลาที่ผ่านไป ห้ามไม่ให้เกิดคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราป้องกันไม่ให้เกิดก่อนเวลาอันควรน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า วิธีชะลอความแก่ที่เราทำได้มีหลายๆ วิธีคือ

    ทานอาหารที่มีประโยชน์ และได้สัดส่วน เป็นสิ่งแรกที่ควรทำมากที่สุด แต่ด้วยโลกแห่งปัจจุบัน การเลือกกินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนไม่ง่ายเลย ด้วยชีวิตที่รีบเร่ง บางคนพึ่งพา ฟาสต์ฟู้ด เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยปัจจัยอันเกิดจากมลภาวะต่างๆ ในโลกเรานี้ ทำให้ แร่ธาตุสารอาหารที่มีอยู่ในพืชผัก ที่เรากินเข้าอาจไม่มีคุณค่าที่ควรจะมี

    fruit and vegetable
    ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ เมื่่อออกกำลังกาย ร่างกายเราจะสูบฉีดเลือดดีขึ้น นอกจากนี้ ข้อต่อ กล้ามเนื้อจะยืดหยุ่นขึ้น และการออกกำลังกายเป็นวิธีที่ร่างกายสามารถเพิ่ม HDL ได้ ซึ่งคือไขมันดีที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและความดันต่างๆ ขณะที่ออกกำลังกายร่างกายเราจะหลั่งสารเอนโดรฟิน ซึ่งทำให้กระปรี้กระเปร่า ลดความเครียดได้อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายควรเป็นไปอย่างพอเหมาะ




    slepping

    การพักผ่อนอย่างมีคุณภาพและเพียงพอ ร่างกายจะซ่อมแซมตนเองในเวลาที่ร่างกายเราพักผ่อน จึงควรมี ระยะเวลาการพักที่เพียงพอคือ 6-8 ชั่วโมง โดยทั่วไปเมื่อเราหลับสนิทในช่วง 23-24 น. ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone เพื่อซ่อมแซมร่างกายของเรา ทั้งยังจะช่วยให้ผิวหน้าสดใส และตื่นขึ้นในตอนเช้าอย่างสดชื่น


    พยายามหลีกหนีจากอนุมูลอิสระ ตัวการ ที่ทำให้แก่เร็วขึ้น อนุมูลอิสระ อยู่รอบๆตัวเราและการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นการสูบบุหรี่, ทานอาหารดอง, แอลกอฮอล์, สถานที่มีอากาศไม่บริสุทธิ์ ฯลฯ

    polutionรับประทานสารต้านทานอนุมูลอิสระเพิ่มเติม โดยปกติร่างกายเราสามารถสร้างสารต้านอนุมูอิสระได้เอง แต่อาจไม่เพียงพอ ที่จะต่อสู้กับ อนุมูลอิสระ ที่เราได้รับเข้าสูร่างกาย และความสามารถในการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระของเราจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น อีกทั้งโอกาสที่จะเลือกกิน ใช้ชีวิต ให้ห่างไกลจากอนุมูลอิสระ เป็นเรื่องอยากขึ้นกว่าในอดีต
    Continue reading...

    10/11/2554

    Aging-การเปลี่ยนแปลงแห่งวัย


    sponsored

    การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติแห่งวัย


    เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก เข้าสู่ช่วงวัยเจริญเติบโต ต่อเนื่องเป็นวัยรุ่นที่สดใส และ เป็นหนุ่มสาว ช่วงเวลานับ 24 ปี มีแต่การพัฒนาสู่ความสดใสมากขึ้น และมากขึ้น ช่วงเวลา 20 ปีแรกแห่งความแข็งแรงสนุกสาน ทำให้เราอาจหลงลืมว่าเวลามีพลังมากมายแค่ไหน ไม่มีใครในโลกนี้ที่อยากเป็นคนสูงวัย นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุดแต่ธรรมชาติก็ไม่สนใจไม่ว่าจะมีคนสักกี่ล้านเรียกร้องขอสิทธิ์นี้ การเปลี่ยนแปลงยังคงดำเนินไปตามเวลา ผ่านไป

    เมื่ออายุ ย่างเข้า 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะคงสภาพการทำงาน และ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายได้ไม่ดีเท่าก่อนหน้านี้ และหากเราไม่ดูแลเอาใจใส่ สุขภาพ ร่างกายจะเริ่มเสื่อมลงมากน้อยต่างกันไปในแต่ละคน มองภายนอกอาจเห็นไม่ชัดเจน จนกระทั่งเริ่มเข้าวัย 30 - 40 ปี ขึ้นไป สิ่งที่ไม่ต้องการก็พากันปะทุกันออกมาให้ได้กลุ้มอกกลุ้มใจ

    youth
    เราจะเริ่มพบความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดจากเจ้า โกรธฮอร์โมนที่เริ่มลดลง ส่งผลต่อผิวพรรณ ที่แห้ง และ บาง มีริ้วรอยง่าย หรือ เหี่ยวย่น สีผิวอาจไม่สม่ำเสมอ หรือ แถม ด้วยกระฝ้า ผิวขาดความยืดหยุ่น หย่อนคล้อย และความคล่องตัวลดลง เอ็น กล้ามเนื้อ ข้อต่อขาดความยืดหยุ่นคือ อาการที่ร่างกายเริ่มเสื่อมถอย โครงสร้างกระดูก เริ่มบางลง โดยเฉพาะในเพศหญิง

    นอกจากนี้อัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคเสื่อมของอวัยะต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่นโรคความดัน หัวใจ เบาหวาน หรือ มะเร็ง

    ความเสื่อมถอยของร่างกายนั้นจะว่าไป ก็เป็นไปตามธรรมชาติ สามารถเกิดขึ้น ได้กับทุกคน แต่ช้าหรือเร็ว รุนแรงหรือ ไม่รุนแรง ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง ที่แตกต่างกันในแต่ละคน เพราะปัจจัย ความเสื่อมถอยใช่ว่าเกิดจากวัย เพียงประการเดียว ในโลกเราทุกวันนี้มีสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วย "มลภาวะ" ค่อนข้างสูง และเป็นเหตุที่สร้าง "อนุมูลอิสระ" ซึ่งคือ ตัวเร่งปฎิกิริยาการเกิดความเสื่อมกับร่างกาย
    Continue reading...

    6/16/2554

    Vitamins : Vitamin B1 วิตามินบี 1


    Vitamin B1 - วิตามิน บี1 หรือ Thiamine มีความสำคัญในการสร้างพลังงาน ช่วยในการแปลงคาร์โบไฮเดรต ให้เป็นพลังงาน

    beans

    รวมทั้งยังเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานของหัวใจ,กล้ามเนื้อและระบบประสาท การไม่ได้รับวิตามิน บี1 อย่างเพียงพอ ทำให้เกิดการเหนื่อยล้า และ ไม่แข็งแรง
    ความจำเป็นและประโยชน์ ของ วิตามิน บี1 Vitamin B1 ที่มีต่อร่างกายคือ
    • มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อย หัวใจและกล้ามเนื้อ
    • ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย
    • ช่วยแก้อาการเมาคลื่นและเมาอากาศ
    • ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตและรักษางูสวัดให้หายเร็วขึ้น
    • ช่วยให้แข็งแรง
    Vitamin B1 หรือ thiamine เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม มีคุณสมบัติพิเศษคือไม่มีพิษตกค้าง ถ้ามีมากเกินไป ร่างกายจะขับออกมาทันที
    food-source of Vitamin B1
    ปริมาณบริโภคที่เหมาะสม Vitamin B1 หรือ Thiamine
    • 1.2 มิลลิกรัม สำหรับ ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่
    • 1.1 มิลลิกรัมสำหรับผู้หญิง และ 1.5 มก. ถ้าให้นมบุตร
    • 0.6-0.9 มิลลิกรัม สำหรับเด็กๆ ต่อวัน 

    แหล่งผลไม้ ที่มีวิตามินบี1 
    • อะโวคาโด,สาเก,องุ่น,ส้มโอ,ฝรั่ง,มะม่วง,ส้ม,สับปะรด,ผลทับทิม,แตงโม


    ผักที่มีวิตามินบี1
    • หน่อไม้ฝรั่ง,กะหล่ำปลีเล็ก,ข้าวโพด,ถั่วเมล็ดแบน,มะเขือ,ถั่ว,มันฝรั่ง,สาหร่ายเกลียวทอง,มันฝรั่งหวาน,กระเจี๊ยบ


    วิตามินบี1 จากแหล่งอาหารประเภทเมล็ดถั่ว,ข้าวต่าง
    • เม็ดมะม่วงหิมพานต์,เม็ดเกาลัด,เฮเซลนัท,มะคาเดเมีย,ข้าวฟ่าง,ข้าวโอ๊ต,ถั่วลิสง,ถั่วพีแคน,ถั่วพิสตาชิโอ,ข้าวกล้อง,ข้าวสาลี


    วิตามินบี1 จากอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์
    • เนื้อวัว,วัวนม,ปลาดุก,ปลาแซลมอน,ปลาทูน่า,นมแพะ,เนื้อหมู,ถั่วเหลือง,นมถั่วเหลือง,โยเกิร์ต แคลอรี่ต่ำ,เป็ดอบ,เบคอน,ไส้กรอกหมู,ไก่


    ข้อมูลอ้างอิง
    www.wikipedia.org
    www.healthalternatives2000

    Continue reading...

    6/15/2554

    Vitamins : Vitamin A วิตามินเอ


    sponsored
    วิตามินเอ Vitamin A  ช่วยในส่วนของเซลล์สืบพันธุ์, ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
    Vitamin A ยังเป็นส่วนสำคัญสำหรับการสร้างฮอร์โมน, ช่วยในการมองเห็นและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูก, พัฒนาฟันและ ช่วยทำให้สุขภาพผิวดี, ผม  และยังพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหัด




    การขาด Vitamin A อาจทำให้เกิดตาบอดกลางคืน, ผิวแห้ง, กระดูกและฟันไม่แข็งแรง


    วิตามินเอ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
    1. Proformed Vitamin A อยู่ในรูปแบบวิตามิน หรือ ที่เรียกว่า เรตินอล Retinol ได้มาจากเนื้อสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา
    2 Provitamin A กำลังจะเป็นวิตามินเอ หรือที่เรียกว่า แคโรทีน Carotene ได้มาจากผักสีต่างๆ แครอทฯลฯ  แคโรทีน เป็นสารที่เข้าร่างกายจึงได้รับการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ


    ปริมาณบริโภคต่อวัน ตามหน่วย I.U. (หน่วยอ้างอิงเปรียบเทียบประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์แต่ละตัวเมื่อยาหรือวิตามินแตกตัวในร่างกาย  1 I.U. ของยา หรือ วิตามินแต่ละประเภท จะมีปริมาณสารออกฤทธิ์ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน )Vitamin A 1 I.U. =  0.3 ไมโครกรัมเรตินอล หรือ = 0.6 ไมโครกรัม เบต้าแคโรทีน


    10,000 IU / วัน (ที่ได้จากพืช) สำหรับผู้ใหญ่เพศชาย
    8,000 สำหรับผู้ใหญ่ผู้หญิง -- 12,000 ถ้าให้นมบุตร
    4,000 สำหรับ 1-3 วัยเด็ก
    5,000 สำหรับ 4-6 วัยเด็ก
    7,000 สำหรับเด็กวัย 7-10




    แหล่งที่มาของวิตามินเอ มาจากอาหารหลายประเภท เช่นผลไม้,ผัก,ถั่ว และ อาหารที่ได้จากสัตว์


    ผลไม้ส่วนใหญ่มีวิตามินเอ (Vitamin A) ส่วนผลไม้ที่มีปริมาณ วิตามินเอ มากเป็นพิเศษ - 
    แคนตาลูป,ส้มโอ,ฝรั่ง,มะม่วง,มะละกอ,เสาวรส,มะเขือเทศ,แตงโม 


    วิตามินจากผัก - 
    กะหล่ำบรัสเซล,แครอท,บรอคโคลี่,ผักกาดขาว,ผักคะน้า,ต้นกระเทียม,ฟักทอง,ผักขม,มันเทศ


    จากถั่วบางประเภท - 
    เม็ดเกาลัด,ถั่วพิสตาชิโอ


    จากผลิตภัณฑ์จากสัตว์ - 
    เชดดาร์ชีส,ครีมชีส,น้ำนมโค,วิปปิ้งครีม,ไข่,ปลาทูน่า,นมแพะ,ชีสแพะ,ซาวครีม


    ผักตำลึง

    น้ำหนัก 100 กรัม
    18,608
    IU
    ยอดชะอม

    น้ำหนัก 100 กรัม
    10,066
    IU
    คะน้า

    น้ำหนัก 100 กรัม
    9,300
    IU
    แครอท

    น้ำหนัก 100 กรัม
    9,000
    IU
    ยอดกระถิน

    น้ำหนัก 100 กรัม
    7,883
    IU
    ผักโขม

    น้ำหนัก 100 กรัม
    7,200
    IU
    ฟักทอง

    น้ำหนัก 100 กรัม
    6,300
    IU
    มะม่วงสุก

    1 ผล(โดยเฉลี่ย)
    4,000
    IU
    บรอกโคลี

    1 หัว(โดยเฉลี่ย)
    3,150
    IU
    แคนตาลูบ

    น้ำหนัก 100 กรัม
    3,060
    IU
    แตงกวา

    1 กิโลกรัม

    1,750
    IU
    ผักกาดขาว

    น้ำหนัก 100 กรัม
    1,700
    IU
    มะละกอสุก

    1 ชิ้นยาว(โดยเฉลี่ย)
    1,500
    IU
    หน่อไม้ฝรั่ง

    น้ำหนัก 100 กรัม
    810
    IU
    มะเขือเทศ

    น้ำหนัก

    800
    IU
    พริกหวาน

    1 เม็ด(โดยเฉลี่ย)
    500-700
    IU
    แตงโม

    1 ชิ้นใหญ่

      700-1,000
    IU
    กระเจี๊ยบเขียว

    น้ำหนัก 100 กรัม
    470
    IU



    ข้อมูลอ้างอิง
    www.wikipedia.org
    www.healthalternatives2000
    Continue reading...
     

    To live healthy Copyright © 2009 Cosmetic Girl Designed by Ipietoon | In Collaboration with FIFA
    Girl Illustration Copyrighted to Dapino Colada