5/24/2554

Detox Supplement - Oilgo Fiber Fructo-Oligosaccharide, Glucomannan and Psylium Husk


Oligo ไฟเบอร์ พี




โอลิโก ไฟเบอร์-พี (OLIGO FIBER-P)  เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฟลุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Fructo-Oligosaccharide) กลูโคแมนแนน (Glucomannan) และ ไซเลี่ยมฮัสค์ (Psylium Husk) ซึ่งเป็นประเภทของเส้นใยอาหาร มีขนาดบรรจุ 10 ซอง
  • ชนิดละลายน้ำได้ - มีลักษณะเป็นวุ้นๆสามารถดูดจับไขมันและน้ำตาลไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ช่วยในการควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดได้

  • ชนิดไม่ละลายน้ำ - มีในพืช ผัก ผลไม้ - กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ - ทำให้ระบบการขับถ่ายของเสียและสารพิษต่างๆ ดีขึ้น
การดีท็อกซ์ DETOX คือ การขจัดสารพิษในลำไส้ใหญ่ คือ กากอาหาร และ สารพิษที่เกาะตาม ผนังลำไส้ถูกชะล้างออกมาก่อนที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเป็นปริมาณมากๆ ก่อให้เกิดโรค เช่น มะเร็ง ในลำไส้

ปกติจะมีแบคทีเรีย 2 ชนิด 

  • Friendly Bacteria คือ แบคทีเรียที่เป็นมิตรกับร่างกาย

  • Unfriendly Bacteria คือ แบคทีเรียที่เป็นอันตรายกับร่างกาย
Oligo Fiber
วีธีทานโอลิโก เพื่อ ลดน้ำหนัก
  • Oligo 1 ซอง ชงกับน้ำเย็น 200 มล. ให้ละลาย รับประทานก่อนอาหาร 30-60 นาที วีธีทาน เพื่อ ดีท็อกซ์ 

  • Oligo 2 ซอง ชงกับน้ำเย็น 400 มล. รับประทานก่อนนอน 10-14 วัน  วิธีทาน เพื่อ ดูแลสุขภาพลำไส้ - Oligo 1 ซอง ชงกับน้ำเย็น 200 มล. คนให้ละลาย รับประทานก่อนนอน

ส่วนประกอบสำคัญใน Oligo Fiber P (Fructo-Oligosaccharide, Glucomannan and Psylium Husk)

**ทุกโปรแกรม หลังชง Oligoทาน แล้วควรรับประทานน้ำตามมากๆ สัก 2 แก้วเพื่อป้องกันลำไส้อุดตัน**
  • โอลิโก แซคคาไรด์ (Fructo-Oligosaccharide)  - ร่างกายไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมได้ด้วยเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหาร  แต่ย่อยได้ด้วยแบคทีเรียซึ่งมีอยู่ในลำไส้ใหญ่ Fructo-Oligosaccharide ให้พลังงานต่ำกว่าน้ำตาลทราย โดยให้พลังงาน เพียง 2 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม  Fructo-Oligosaccharide ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกในลำไส้,เป็นอาหารของ Friendly Bacteria จึงทำให้ปริมาณแบคทีเรียที่ดีในร่างกายเพิ่มมากขึ้น และลดปริมาณของแบคทีเรียที่ไม่ดี (ปรับสมดุลในลำไส้)
  • กลูโคแมนแนน (Glucomannan) - เป็นแหล่งของใยอาหาร (Fiber) ที่ละลายน้ำได้  ได้มาจากรากของพืชบุก   หัวบุกเป็นพืชที่ใช้ในอาหารเอเซียมาหลายศตวรรษ เช่น เต้าหู้ ,เจลลี่ญี่ปุ่น   เมื่อ Glucomannan อยู่ในน้ำจะสามารถขยายตัวได้ถึง 17 เท่า เมื่อทาน Glucomannan ทำให้รู้สึกอิ่ม และรับประทานอาหารน้อยลง ไม่เพียง Glucomannan ช่วยในการลดน้ำหนัก ยังช่วยปรับสมดุล และ ลดคอเลสเตอรอลได้ - ลดโอกาสเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่โดยไปจับตัวกับน้ำดีที่เหลืออยู่ในลำไส้ใหญ่ (น้ำดีที่เหลืออยู่จะไปทำปฎิกิริยากับแบคทีเรียในลำไส้ กลายเป็นสารก่อมะเร็ง)
  • ไซเลี่ยม ซีด ฮัลด์ (PSYLIUM HUSK) หรือ เทียนเกล็ดหอยในภาษาไทย - เปลือกเมล็ดไซเลี่ยมฮัสก์ มีคุณสมบัติในการพองตัวสูง เมื่อรับประทานเข้าไปจะขยายตัวในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ดังนั้นปริมาณอาหารที่ทานได้จึงน้อยลง นอกจากนี้ใยอาหารใน PSYLIUM HUSK ยังช่วยดักจับไขมัน และน้ำดีในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งช่วยลดปริมาณไขมันเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย - มีสารมิวสิเลส ซึ่งสามารถดูดซับน้ำตาลและไขมัน (พองตัวได้ 25 เท่า) ลดอาการท้องผูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับลำไส้
  • ไคโตซาน (Chitosan) (พบในเปลือกหอยและเปลือกปู) - มีประสิทธิภาพสูงในการดูดจับไขมัน ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคกระดูกพรุน ด้วยการดูดซับกรดที่จับแคลเซียมได้ ทำให้ร่างกายไม่สูญเสียแคลเซียม
  • วีท กลาส (Wheatgrass) - อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • เบตาแคโรทีน (Betacarotene) - เปลี่ยนเป็นวิตามิน A ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
Continue reading...

5/20/2554

Dietary Supplement - แคลฟิลด์ Calphyll (Milk Calcium and Chlorophyl)


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แคลฟิลล์ Calphyll


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมิลค์แคลเซียม(Milk Calcium) โซเดียมคอปเปอร์คลอโรฟีลลิน (Sodium Copper Chlorophylin) และ แร่ธาตุ (Nutrients)

แคลฟิลด์ Calphyll (Milk Calcium and Chlorophyl)

โดยปกติ กระดูกจะมีทั้งการสร้างและการสลาย เมื่อเราอายุมากขึ้นการสลาย การสึกกร่อนของกระดูกจะมีมากกว่า โดยเฉพาะในคนที่ขาดแคลเซี่ยม (calcium)

อาหารเสริมจึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยเสริมสร้าง ความแข็งแรงให้กระดูก เราสามารถบำรุงได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เพื่อสะสมความหนาแน่นของกระดูก และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน เมื่อมีอายุสูงขึ้น

หน้าที่หลักของแคลเซี่ยม คือการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และแคลเซี่ยมยังมีหน้าที่สำคัญในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายอีกด้วย ได้แก่ ช่วยการแข็งตัวของเลือด เกี่ยวข้องกับ การทำงานของกล้ามเนื้อ และเส้นประสาท ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจเป็นปกติ ช่วยให้การส่งสัญญาณประสาทมีความถูกต้อง ช่วยรักษาความสมดุลของกรดและด่าง ในเลือด และรักษาระดับความดันโลหิตให้คงที่

คุณได้รับแคลเซี่ยมจากอาหารที่เรารับประทาน ในแต่ละวันเพียงพอหรือไม่ หากยังไม่เพียงพอ อาหารเสริม แคลฟิลล์ คือคำตอบ และที่พิเศษกว่า อาหารเสริมแคลเซี่ยมทั่วไปก็คือ อาหารเสริมแคลฟิลล์

ยังมีส่วนประกอบเพิ่มเติม คลอโรฟิล (ChlorophyI) ซึ่งเป็นสารประกอบที่พบได้ในส่วนสีเขียวของใบพืช ซึ่งช่วยขบวนการสังเคราะห์แสงของพืช จากการวิจัยพบว่า โครงสร้างของคลอโรฟิล (Chlorophyl) มีลักษณะ เหมือนกับเม็ดเลือดแดงของมนุษย์ ในคลอโรฟิล

มีแร่ธาตุธรรมชาติมากมายประกอบไปด้วยสาร ต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน โปรตีน และสารอาหารต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกายของเรา   และ มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น

-เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ช่วยลดการดูดซึมของสารก่อมะเร็ง
-ช่วยทำให้แผลหายเร็ว
-ช่วยยับยั้งการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
-ช่วยกำจัดกลิ่นจากอวัยวะภายในร่างกาย
-ช่วยลดปัญหาท้องผูก

ร่างกายต้องการแคลเซียม เพื่อชดเชยการสูญเสียในแต่ละวัน ประมาณ 270 - 1000มิลลิกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และภาวะของร่างกาย

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับต่อวันในแต่ละช่วงอายุ ดังนี้
1. เด็กเล็กช่วงอายุ 6-11 เดือน ควรได้รับแคลเซี่ยม 270 มิลลิกรัม/วัน
2. เด็กช่วงอายุ 1-3 ขวบ ควรได้รับแคลเซี่ยม 500 มิลลิกรัม/วัน
3. เด็กช่วงอายุ 4-8 ขวบ ควร ควรได้รับแคลเซี่ยม 800 มิลลิกรัม/วัน
4. เด็กวัยรุ่น เป็นช่วงที่มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ช่วงอายุ 9-18ปี มีความต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นเป็น 1200 มิลลิกรัม/วัน
5. ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 50 ปี ควรได้รับแคลเซี่ยม 1000 มิลลิกรัม/วัน, หญิงมีครรภ์, หญิงที่ให้นมบุตร เท่ากับช่วงวัยรุ่น คือ 1200 มิลลิกรัม/วัน, วัยหมดประจำเดือน 1000-1500 มิลลิกรัม/วัน
6. ผู้ใหญ่ช่วงอายุ 19-50 ปี  มีความต้องการปริมาณแคลเซียม 800-1000 มิลลิกรัม/วัน
การบริโภค แคลเซียมมากเกินความต้องการของร่างกาย แคลเซียมจะถูกขับออกทางไต


ส่วนประกอบสำคัญใน 1 เม็ดของแคลฟิลล์ 1,000 มิลลิกรัม

-มิลล์ แคลเซี่ยม คอมเพล็กซ์         (Milk Calcium Complex 800 mg.)
-โซเดียมคอปเปอร์คลอโรฟิลลิน (Sodium Copper Chlorophylin 50 mg.)
-ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลต         (Zinc Amino Acid Chelate 15 mg.)
-คอปเปอร์ อะมิโน แอซิด คีเลต (Copper Amino Acid Chelate 12 mg.)
-เฟอร์รัส อะมิโน แอซิด คีเลต (Ferrus Amino Acid Chelate 12 mg.)

การรับประทาน วันละ 1-4 เม็ด พร้อมอาหาร
Continue reading...

5/09/2554

ผิวขาวอมชมพู กับ ลูมิไนซ์ เพื่อผิวเนียนเปล่งปลั่ง สดใส


ผิวขาวอมชมพู กับ ลูมิไนซ์ เพื่อผิวเนียนเรียบ เปล่งปลั่ง สดใส กับ...สารสกัดจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูมิไนซ์

ปัจจุบัน โลกมีวิวัฒนาการต่างๆ เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะความเจริญทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งนำพาปัญหาสิ่งแวดล้อม ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการเกิดภาวะเรือนกระจก เกิดรอยรั่วของชั้นโอโซน และอุณหภูมิที่สูงขึ้นในปัจจุบัน เกิดภาวะโลกร้อนและมลพิษต่างๆ
ทำให้มีปัญหาผิวภัณฑ์จากมลพิษ และอนุมูลอิสระที่ห้อมล้อมเราอยู่ทุกๆ วัน เราสามารถป้องกันได้ โดยทานอาหารที่มีคุณภาพ ร่วมกับการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อุดมด้วยคุณค่าจริงๆ
ลูมิไนซ์มีสารสกัดเข้มข้น ที่สามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมสภาพผิวจากภายในสู่ภายนอก จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และดีต่อสุขภาพผิวพรรณในระยะยาวมากกว่า เพราะสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่เอื้อต่อการดูแลสุขภาพผิว การดูแลสุขภาพผิวจากภายในจึงช่วยให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง มีความยืดหยุ่นตัวดี การลดปริมาณเม็ดสีผิวที่มากเกินไป และการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ผิวจึวขาวนวลสดใสแลดูเนียนเรียบยิ่งขึ้น

ส่วนสำคัญ ในลูมิไนซ์ (30 แคบซูล)

  1. สารสกัดจากเปลือกสน (Pine Bark Extract) ต้นสนมาริไทม์ Maitime Pine เป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนยาวและมีถิ่นกำเนิดในฝรั่งเศษ ชาวยุโรปในสมัยก่อนจะนิยมนำเปลือกต้นสนมาทำเป็นยาพื้นบ้าน ช่วยสำหรับลดอาการอักเสบ และระงับอาการปวด กันมาช้านาน

    จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์ในวงการสมัยใหม่ได้ทำการวิจัยและค้นคว้า รวมถึงนำเปลือกสนมาริไทม์มาสกัดเพื่อให้ได้สารออกฤทธิ์ที่เข้มข้น และพบว่าสารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์มีส่วนประกอบสำคัญของสารจำพวกไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง หรือที่เรียกว่า Super-strength antioxidant โดยมีสารที่ออกฤทธิ์ คือ โปรไซยานิดินส์ (Procyaanidins), แคทติซิน(catechin),ทาซิโฟลิน(taxifolin) และ กรดผลไม้(fruit acids) เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) ที่มีโครงสร้างแบบโพลีฟีนอล (Polyphynol) สารเหล่านี้ จะมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Free Radical) หรือที่เรียกว่า เป็น สารแอนตี้ออกซิเดนท์(Antioxidants) ซึ่งคาดว่าสูงกว่าวิตามินซี 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า Luminice, food supplements of aimstar
      คุณสมบัติ
    • ช่วยลดปริมาณการสร้างเม็ดสีผิวในบริเวณที่มากเกินไป ทำให้ปัญหาฝ้า และจุดด่างดำ หมองคล้ำลดลง
    • ช่วย เสริมสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน(Elastin) อันเป็นโครงสร้างหลักที่ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น กระชับ และชะลอการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้เป็นอย่างดี

    • ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดเพื่อนำพาสารอาหารเข้าสู่ผิว รวมทั้งกำจัดของเสียออกจากผิวได้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผิวจึงแลดูมีเลือดฝาดและสุขภาพดี
    • ช่วย ส่งเสริมการทำงานของระบบสำคัญในร่างกาย เช่นระบบหลอดเลือดและหัวใจ ปรับลดระดับความดันโลหิตปรับลดระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงลดอาการวัยทองให้น้อยลง
  2. แอล-ซีสเตอีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองแต่ปริมาณการสร้างจะลดลง เมื่ออายุเรามากขึ้น
    แอล-ซีสเตอีน เป็นสารตั้งต้นสำหรับกระบวนการสร้างสารกลูต้าไธโอน (Glutathione) ที่มีฤทธิ์สำคัญในกระบวนการลดอัตราการสร้างเม็ดสีผิว(Melanogenesis) และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ทำให้เซลล์แข็งแรง และผิวพรรณขาวสดใสขึ้น
  3. สารสะกัดอะเซโรลา Acerola Extractจากสายพันธ์จากบราซิล มีความเข้มข้นของวิตามิน ซี ที่สูงมาก ด้วยระบบควบคุมในกระบวนการจัดเก็บ และรักษาคุณภาพของวิตามิน ซี จากอะเซโรลา ซึ่งมีฤทธิ์แอนตี้อ๊อกซิแดนท์ (Antioxidant) และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอมรับกันมานาน เมื่อทำหน้าที่ร่วมกับสารสกัดจากเปลือกสน และแอล-ซีสเตอีน จะให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อกระบวนการลดอัตราการสร้างเม็ดสีผิวได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
  4. โคเอ็นไซม์คิวเทน เป็นสารกึ่งวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งมีอยู่ในไมโตคอนเดรียของเซลล์ ที่ร่างกายมนุษย์เราสามารถสร้างขึ้นเอง แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ถึงช่วงวัยกลางคนร่างกายก็จะสร้างโคคิวเท็นได้ลดน้อยลง ทำให้คนในวัยนี้มีโอกาสที่จะขาดโคเอ็นไซม์คิวเทน อาหารที่พบว่ามีโคเอ็นไซม์คิวเทน ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า เครื่องในสัตว์ เฉพาะส่วนหัวใจและตับ ส่วนในพืชจะพบได้บ้างใน ถั่วลิสง และน้ำมันถั่วเหลือง
    โคเอ็นไซม์คิวเทน มีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างพลังงานภายในเซลล์โดยเฉพาะอวัยวะที่ต้องทำ งานอย่างหนักและต่อเนื่อง จะต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ เช่น หัวใจ ตับ และไต เป็นต้น
    ดังนั้นจะเห็นว่าในอดีตหลายปีที่ผ่านมา ทางการแพทย์จะมีการใช้โคเอ็นไซม์คิวเทน ในการป้องกันโรคหัวใจ เพราะมีการศึกษาชี้ให้เห็นว่า โคเอ็นไซม์คิวเทน จะช่วยยับยั้งไม่ให้คอเลสเตอรอลจับตัวเป็นก้อนแข็งในหลอดเลือดแดงที่ไป เลี้ยงหัวใจด้วย นอกจากนี้ยังมีการใช้โคเอ็นไซม์คิวเทนในการป้องกัน โรคสมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์ รวมถึงโรคที่เกิดจากความเสื่อมหรือความชราอื่นๆ ด้วย เพราะโคเอ็นไซม์คิวเทนมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยนั่นเอง
Continue reading...
 

To live healthy Copyright © 2009 Cosmetic Girl Designed by Ipietoon | In Collaboration with FIFA
Girl Illustration Copyrighted to Dapino Colada