Carbohydrate (คาร์โบไฮเดรต)
เป็นสารอาหารที่มี คาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน (Carbon, Hydrogen and Oxygen) เป็นองค์ประกอบสำคัญ คาร์โบไฮเดรตที่มีในอาหาร แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
พวกที่เป็นน้ำตาล - คาร์โบไฮเดรตที่มีรสหวานและละลายน้ำได้ แบ่งออกได้
- น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หรือ โมโนแซ็กคาไรด์ Monosaccharide เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลเล็กที่สุด ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยได้อีก สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ตัวอย่างของน้ำตาลชนิดนี้ คือ กลูโคส , ฟรุกโตส , และแกแล็กโตส
- Glucose (กลูโคส) พบในผักและผลไม้ที่มีรสหวาน
- Fructose (ฟรุกโตส) มีรสหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่น พบในน้ำผึ้งและผัก ผลไม้ที่มีรสหวานเช่นกัน
- Galactose (แกแล็กโตส) พบในน้ำนม
- น้ำตาลโมเลกุลคู่ หรือ ไดแซ็กคาไรด์ Disaccharides เป็นคาร์โบไฮเดรต ที่เกิดจากการรวมตัวของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 2 โมเลกุล ซึ่งอาจเป็นชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกันก็ได้ น้ำตาลชนิดนี้ เมื่อกินเข้าไป ร่างกายจะย่อยสลาย ให้กลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวก่อน จึงดูดซึมไปใช้ประโยชน์ ตัวอย่างของน้ำตาลชนิดนี้ คือซูโครส หรือ น้ำตาลทรายมอลโทส และ แล็กโทส (Sucrose , Maltose or Malt Sugar and Lactose)
- Sucrose (ซูโครส) พบในผักและผลไม้ เช่น อ้อย ตาล มะพร้าว หัวบีท ฯลฯ Sucrose แตกตัวออกจะได้ Glucose (กลูโคส) และ Fructose (ฟรุกโตส) อย่างละ 1 โมเลกุล
- Maltose (มอลโทส) พบใน ข้าวบาร์เลย์ หรือ ข้าวมอลต์ ที่นำมาทำเบียร์ เครื่องดื่มมอลต์ต่างๆ Maltose เมื่อแตกตัวออกจะได้ Glucose (กลูโคส) 2 โมเลกุล
- Lactose (แล็กโทส) พบในน้ำนม Lactose เมื่อแตกตัว จะได้ Glucose (กลูโคส) และ Galactose (แกแล็กโตส) อย่างละ 1 โมเลกุล
พวกที่ไม่ใช่น้ำตาล - เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีรสหวาน ละลายน้ำยากหรือไม่ละลายเลย
กลุ่มที่ไม่ใช่น้ำตาลนี้ เกิดจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หรือ Monosaccharide โมโนแซ็กคาไรด์ จำนวนมาก เกาะรวมตัวกัน เป็นสารที่มีโมเลกุลเชิงซ้อน เรียกว่า Polsaccharide (พอลิแซ็กคาไรด์)
ตัวอย่าง ของ Carbohydrate (คาร์โบไฮเดรต) กลุ่มนี้ ได้แก่
- Flour (แป้ง) เป็นคาร์โบไฮเดรต ที่พืชเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ โดยเฉพาะ ส่วนของเมล็ด ราก หรือ หัว
- Cellulose (เซลลูโลส) เกิดจาก กลูโคส ประมาณ 50,000 โมเลกุล เชื่อมต่อกันเป็นสายยาว ขนานกัน และ มี แรงยึดเหนี่ยวระหว่างสาย จึงมีลักษณะเป็นเส้นใยพบในพืช โครงสร้างส่วนใหญ่ของพืชเป็น เซลลูโลส โดยเฉพาะที่ เปลือก ใบ และเส้นใยที่ปนอยู่ในเนื้อผลไม้
ร่างกายคนเราไม่สามารถย่อยสลายเซลลูโลสได้ แต่จะขับถ่ายออกมาในลักษณะของกาก ที่เรียกว่า เส้นใยอาหาร , เส้นใยอาหาร ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ขับถ่ายสะดวก พืชประเภทผัก และถั่ว ผลไม้ มีเซลลูโลสอยู่ปริมาณสูง จัดเป็นแหล่งที่ให้เส้นใยอาหาร จึงควรกินเป็นประจำทุกวัน ประมาณ 20 - 36 กรัม ต่อวัน
- Glycogen (ไกลโคเจน) เป็นคาร์โบโฮเดรตประเภทแป้ง ที่สะสมอยู่ในร่างกายของคน และ สัตว์ ไม่พบในเซลส์พืช พบมากใน ตับ และ กล้ามเนื้อ บางทีเรียกว่า แป้งสัตว์ มีส่วนประกอบคล้ายแป้ง แต่มีกิ่งก้านมากกว่า เมื่อแตกตัวออกจะได้กลูโคส เมื่อปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดลดลง หรือร่างกายขาดสารอาหาร ตับจะเปลี่ยนไกลโคเจนเป็น Glucose (กลูโคส) เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกายต่อไป ไกลโคเจนประกอบ ด้วยกลูโคสประมาณ 10,000-30,000 โมเลกุล
คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารหลัก ที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เพื่อให้ร่างกายนำมาใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ ร่างกายต้องใช้พลังงาน จากคาร์โบไฮเดรต ในแต่ละวันประมาณร้อยละ 50 - 55 ของพลังงานทั้งหมด ที่ได้รับจากอาหาร ดังนั้น การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตประเภทแป้งให้ได้ปริมาณ 300 - 400 กรัมต่อวัน เป็นปริมาณที่เพียงพอกับปริมาณพลังงาน ที่ร่างกายต้องการ
0 comments:
แสดงความคิดเห็น