สิวเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องจะเกิดการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในบริเวณต่อมไขมัน โดยจะเห็นเป็นตุ่มนูนแดง หากอักเสบเพิ่มขึ้น จะกลายเป็นหัวหนอง และสิวหัวช้างในที่สุด
เรื่องสิวไม่ใช่เรื่องจิ๋วจิ๋ว
การอักเสบของสิวจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่ภูมิต้านทานในร่างกายลดต่ำลง เช่น ช่วงมีประจำเดือน, การอดนอน, ภาวะเครียด
ดังนั้นการป้องกันการเกิดสิวที่ดีที่สุดคือเราต้องปรับสภาพร่างกายให้สมดุล
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
รับประทานผักผลไม้ให้มาก
อาหารที่ดีจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย,
ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว, ระวังไม่ให้เกิดการท้องผูก,
ออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรค, ลดความเครียดด้วยการเล่นดนตรี, ฟังเพลง หรือ ฝึกสมาธิเพื่อฝึกควบคุมจิตใจ, หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี, ดื่่มสุรา หรือสารเสพติด
การอักเสบของสิวจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่ภูมิต้านทานในร่างกายลดต่ำลง เช่น ช่วงมีประจำเดือน, การอดนอน, ภาวะเครียด
ดังนั้นการป้องกันการเกิดสิวที่ดีที่สุดคือเราต้องปรับสภาพร่างกายให้สมดุล
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
รับประทานผักผลไม้ให้มาก
อาหารที่ดีจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย,
ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว, ระวังไม่ให้เกิดการท้องผูก,
ออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรค, ลดความเครียดด้วยการเล่นดนตรี, ฟังเพลง หรือ ฝึกสมาธิเพื่อฝึกควบคุมจิตใจ, หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี, ดื่่มสุรา หรือสารเสพติด
สารอาหารรักษาสิว
- อาหารที่ให้แร่ธาตุสังกะสี ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียและไวรัส, ลดการอักเสบ และการติดเชื้อของสิว ทั้งยังช่วยให้แผลที่เกิดจากสิวหายเร็วขึ้น โดยการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียไป
จริงอยู่ว่าสังกะสีให้ผลบวกในการลดสิว แต่หากร่างกายรับสังกะสีในปริมาณที่มากกว่า 40 มิลลิกรัมต่อวัน(ในผู้ใหญ่) ก็สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้เช่นกัน อาหารที่มีธาตุสังกะสี คือ หอยนางรม, ปู, นม, โยเกิร์ต, ถั่ว, ชีส, ปลา, เมล็ดฟักทองและเมล็ดทานตะวัน - แร่ธาตุอย่าง วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี และ สารเบต้าแคโรทีนในผักผลไม้ แร่ธาตุในผักผลไม้มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการเป็นสิวได้เป็นอย่างดี และคลอโรฟิลล์ในผักสีเขียวก็ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกากใยอาหารจากพืชผักสีเขียว(Dietrary Fiber)ก็ช่วยป้องกันเรื่องท้องผูกได้อีกต่างหาก
- วิตามินเอลดการอักเสบของสิวและลบรอยด่างดำจากสิว วิตามินเอมีมากใน ตำลึง, บร็อคโคลี, ยอดชะอม, คะน้า กะหล่ำเขียว, ผักโขม, ผลไม้สีเหลืองหรือสีส้ม เช่น ฟักทอง, มะม่วง, แคนตาลูป, มะละกอสุก และใน ตับ และนม
- วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ดังนั้นจึงช่วยลดริ้วรอย และลดรอยด่างดำจากสิว วิตามินซีมีมากในผลไม้ เช่น ส้ม, มะเขือป้อม, สัปปะรด, ฝรั่ง, สตอร์เบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, กีวี, มะละกอ, มะม่วง, องุ่น, ลูกพลัมลูกพรุน หรือ ผักใบเขียว เช่น คะน้า, พริกแดง, พริกเขียว, ผักตระกูลกะหล่ำ, บร็อคโคลี, มะเขือเทศ, ผักโขมฯลฯ
- วิตามินอีมีคุณสมบัติในการลบริ้วรอยจากสิว เราได้วิตามินอีจากน้ำมันที่ได้จากธัญพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกคำฝอย และถั่วเปลือกแข็ง อย่าง อัลมอนต์ หรือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์
- แร่ธาตุโครเมียม จะกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสให้เป็นพลังงาน เพื่อช่วยรักษาปริมาณน้ำตาลในร่างกายให้คงที่ ร่างกายต้องการโครเมียมในปริมาณที่น้อยมากคือ 50 – 200 ไมโครกรัมต่อวัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องหาจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
โครเมียมจะถูกดูดซึมได้ดีเมื่อทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซี แต่ปริมาณที่สูงเกินไปของโครเมียมอาจจะไปรบกวนการดูดซึม สังกะสี (Zinc)เช่นกัน พบได้ใน ยีสต์ (Brewer’s yeast) เมล็ดธัญพืช และ ซีเรียล - ซีลีเนียมสามารถป้องกันกัมมันตภาพรังสีรวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น ปรอท เงิน แคดเมียม แทลเลียม (thallium)
ไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าร่างกายและขับถ่ายออกได้เร็วขึ้น และเมื่อทำงานร่วมกับวิตามินอี ยังช่วยในการรักษาเนื้อเยื่อต่างๆและชลอการเสื่อมของเซลล์ หรือคุณสมบัติที่ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการเกิดสิว
อาหารที่มีซีลิเนียมมากที่สุดได้แก่ ไข่, เครื่องในสัตว์และเนื้อสัตว์, ปลา,หอย และข้าวที่ไม่ขัดสี, ซีเรียล และผลิตภัณฑ์นม นอกจากนี้ยังได้จากระเทียม เห็ด บร็อคโคลี หัวหอม มะเขือเทศ - กรดไขมันโอเมก้า 3กรดไขมันที่ช่วยเรื่องหัวใจและการทำงานของสมอง, ลดการอักเสบในระดับเซลล์ และช่วยในการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยลดรอยด่างดำจากสิวให้จางลง มีมากในอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอล, ปลาทูน่า, นอกจากนี้ก็มีในน้ำมันวอลนัท,น้ำมันคาโนลา
แต่เพราะ Omega3 จะสลายตัวได้ง่ายในอุณหภูมิสูง เช่น การน้ำอาหารไปทอด ถ้าหากต้องการให้สารอาหารยังคงอยู่ในอาหาร ควรปรุงอาหารด้วยวิธีการต้ม แกงหรือ ยำ
0 comments:
แสดงความคิดเห็น