Calcium Benefit แคลเซียม มีความสำคัญอย่างไร?
แร่ธาตุพื้นฐาน ที่มีความสำคัญต่อร่างกายมากๆ ชนิดหนึ่งคือ "แคลเซียม" ซึ่งเราสามารถพบมากในอาหารจำพวกปลา กุ้งแห้ง นม หรือในเต้าหู้เนื้อแข็ง
![Milk แคลเซียมมีมากในนม Milk แคลเซียมมีมากในนม](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgMWJQL6FzpK2xhCVX0F-v5AdFJKKA2XJRNWQAcLjtjDE9hb0z7es1I0qUjeNMtE_xTaWVSh5grOTgONzX1cQFuMEivT5I9rLT9DCZLvByDVDI3FET8T0p65kHO1L0AjF5BaO2iQXyUfeU/s1600/strong+bone.jpg)
หน้าที่หลักของแคลเซียมคือ ช่วยลดการเกิดโรคกระดูกพรุน, ลดการแตกหักของกระดูกสะโพกที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ กับผู้หญิง และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม โรคความดัน และอาการผิดปกติต่างๆ ก่อนการมีประจำเดือนด้วย
เรียกได้ว่า แคลเซียมมีความบทบาทสำคัญ ต่อหัวใจ ประสาท กล้ามเนื้อ และอวัยะอื่นๆ ให้ทำงานได้ปกติ
แต่เพราะว่าในกระดูกคนเรามีเซลล์ชนิดหนึ่ง เรียก "osteoclasts" ที่ทำหน้าที่สลายสารแคลเซียม เพื่อส่งแคลเซียมเข้าสู่กระแสเลือด
และถ้าร่างกายเราไม่ได้รับแคลเซียมชดเชยในปริมาณที่เพียงพอในแต่วัย อาจทำให้เกิดอาการขาดแคลเซียมได้ ซึ่งถ้าหากเป็นเด็ก สามารถชดเชยแคลเซียมที่สูญเสียไป ด้วยการรับประทานแคลเซียมเพิ่มเติม แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ และโดยเฉพาะผู้หญิงวัยทองหรือ วัยหมดประจำเดือน การสูญเสียแคลเซียม อาจเลยเถิดจนเป็นสภาพที่ถาวรและรุนแรงจนเกิดโรคกระดูกพรุนได้
![ผักผลไม้ดีต่อสุขภาพ Vegetable](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-g4mSjDsEwHUV0yB6pGRk96QQDKrsegS_UrAtDAIFoCbqfMRpodq5hkvO0DxyHbZ3PIT3YvC2qRWy5k8R8_PlYKlXnwMAtYAM2DMkfe5KDCwV032GY4EAR0BSue6vmkRTnVqDv5JNdhg/s320/head+of+4ever.jpg)
ความต้องการแคลเซียมเพื่อชดเชยการสูญเสียในแต่ละวันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และภาวะของร่างกาย
ช่วงอายุ | ปริมาณแคลเซี่ยมที่ควรได้รับต่อวัน |
---|---|
เด็กแรกเกิด ถึง 6 เดือน
|
210 มิลลิกรัม
|
6 เดือน - 1 ปี
|
270 มิลลิกรัม
|
1 - 3 ปี
|
700 มิลลิกรัม
|
4 - 8 ปี
|
1000 มิลลิกรัม
|
9 - 18 ปี
|
1300 มิลลิกรัม
|
19 - 50 ปี
|
1000 มิลลิกรัม
|
51 - 70 ปี
|
1200 มิลลิกรัม
|
มากกว่า 70 ปี
|
1200 มิลลิกรัม
|
หญิงมีครรภ์,หญิงให้นมบุตร
|
1300 มิลลิกรัม
|
วัยหมดประจำเดือน
|
1000 - 1500 มิลลิกรัม
|
ขอบคุณแหล่งข้อมูล:
พบหมอศิริราช - รศ.นพ.สารเนตร ไวคกุล
vatchinan2.blogspot.com - นพ.มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์
0 comments:
แสดงความคิดเห็น